Chapter 1:
สวัสดีค่ะ ขอเกริ่นก่อนเลยว่าที่เป็นการเขียนรีวิวครั้งแรกของเรา หากผิดพลาดประการใดต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
เนื่องจากเราและเพื่อนวางแผนกันว่าอยากไปเที่ยวช่วงปิดเทอม (ปลายๆเดือน ก.พ.) เลยได้หาสถานที่เที่ยวที่อยากไปกัน ไม่ว่าจะเป็น ญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน จนกระทั้ง ฮอลแลนด์ แต่ด้วยคอนเซ็ป "ที่เที่ยวมีเป็นล้าน แต่กระเป๋าตังค์ไม่เข้าใจ" หรือที่เราตั้งเป็นคอนเซ็ปของทุกการท่องเที่ยวของเราว่า #ยาจกทริป ของเรานั้นจึงทำให้เรามาหยุดอยู่ที่ "ประเทศเวียดนาม" จากการที่เราได้อ่านรีวิวมา เวียดนามเป็นประเทศที่เข้าใจเงินในกระเป๋าเรามากที่สุด พวกเราเลยทำการจองตั๋วเครื่องบินค่ะ #ยาจกทริป
Flying with...
เราเลือกใช้บริการของสายการบิน Vietjet air เส้นทาง กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) บินตรงสู่ สนามบินลัด ประเทศเวียดนาม
เวลาบินแค่ 1 ชม. 20 นาที เท่านั้นค่ะ เวลาออกเดินทาง 11:20 ถึง 13.05
ราคา 3,600 THB ต่อคน ราคานี้รวมค่าธรรมเนียม ภาษี และค่าตัดบัตรเครดิตเรียบร้อยแล้วนะคะ.
นอกจากนี้ด้วยความเยอะสิ่งของพวกเราเลยได้ซื้อน้ำหนักกระเป๋าไว้ 15 KG ในราคา 450 THB ค่ะ
Money...
การแลกเงินเราได้แลกเป็นสองสกุลเงินค่ะ USD และ VND: เราแลกเงินกับทาง Superrich ค่ะ (ขอแนะนำในการแลกเงินให้โทรไปถามทางบริษัทก่อนเลยค่ะ ว่าสาขาที่เราจะไปแลกเงินมีเงินสกุลที่เราจะแลกมั้ย จะได้ไม่เสียเวลานะคะ)
เราแลกไป 120 USD ประมาณ 3,760 THB กับ 7.000.000 VND ประมาณ 9,870 THB (ทั้งหมด 13,630 THB รวม 2 คนนะคะ) ด้วยเรทราคา USD100: 31.350, USD20 : 31.250 และ VND: 0.00141
ถ้าแลกจาก USD เป็น VND จะได้เงิน VND เยอะกว่าการแลกจาก THB เป็น VND โดยตรงนะคะ #wandertips
DAY 1
เช้าวันเดินเราได้เตรียมตัวไปสนามบินก่อนเวลาเครื่องออก 2 ชม. เผื่อเหลือเผื่อขาดค่ะ แต่ทว่า!!!ระหว่างทางได้รับข้อความจากทางสายการบินค่ะว่าเครื่องดีเลย์ไป 1ชม. เห้อออ ทำไรไม่ได้ค่ะ นอกจากรอวนไป...เมื่อถึงเวลาเดินทางเครื่อง Take off เรียบร้อยแล้ว
เนื่องจากความหิวโหยอยากอาหารเลยสั่งอาหารทานบนเครื่องค่ะ และอย่างเช่นเคยด้วยความเรื่องเยอะเลือกของกินไม่ได้ซักทีของเราสองคนทำให้อาหารอย่างอื่นหมด สุดท้ายอาหารที่ได้มากนั้นคือ...มาม่าประทังชีวิตและน้ำ 1 ขวด ค่ะ
วินาทีแรกที่เดินลงจากเครื่องมาคือ วิวและอากาศคือดีมากค่ะ ดีจริงๆ ประทับใจตั้งแต่ก้าวลงจากเครื่องเลย. เดินไปไม่กี่ก้าวก็จะเจอ ต.ม. ค่ะ ที่นี้คนต่างชาติหรือคนท้องถิ่นเข้าตรวจที่ช่องเดียวกันหมดค่ะ ถัดจาก ต.ม. มานิดนึงก็รับกระเป๋าได้เลยค่ะ เป็นสนามบินที่มีความกระทัดรัดดีมากค่ะ
Shuttle Bus...
เดินออกมาอีกหน่อยจะเจอทางออกที่มีรถ Shuttle Bus จอดรออยู่ค่ะ ไม่รอช้า รีบไปขึ้นกันเลย...
ราคาตั๋วอยู่ที่คนละ 40.000 VND หรือ ประมาณ 56 THB ใช้เวลาประมาณ 35 นาทีก็เข้าสู่ตัวเมืองดาลัดค่ะ Shuttle Bus จะส่งเราที่ Ngoc Phat Hotel ซึ่งอยู่ตรงข้าม Big C เลยค่ะ ข้ามถนนไปก็ถึง จะมีแท็กซี่และมอเตอร์ไซค์ให้บริการค่ะ
Sim Card...
เพราะมาเกือบอาทิตย์เราเลยตัดลินใจข้ามถนนแวะ Big C เพื่อซื้อซิมก่อนค่ะ เดินเข้ามาภายในแล้วลงบันไดเลื่อนมาสองต่อเลยค่ะ ลงมาถึงให้เดินหาทางเข้าซุปเปอร์จะมีบันไดเลื่อนอันเล็กๆน่ารักๆประมาณสามสี่ขั้นบันได ตรงหน้าทางขึ้นบันไดเลื่อนจะมีร้านขายซิมเล็กๆอยู่ค่ะ มีร้านเดียวในห้างนะคะ เดินหามาทั่วห้างแล้ว5555
ราคาซิมจะอยู่ที่ 2GB/ แสนกว่า 15GB/ 230.000 VND (ประมาณ 324 THB) 30GB/ สามแสนกว่าๆค่ะ (จำราคาตรงๆไม่ได้ต้องขออภัยด้วยค่ะ)
Hotels...
หลังจากได้ซิมเรียบร้อยก็ใช้ Google Maps เดินทางไปโรงแรมกันค่ะ เราได้จอง Phuong Vy luxury hotel ผ่าน booking.com ไว้ค่ะ
App ที่จำเป็น: Google Maps & Translate #wandertips
แต่ๆๆๆๆ ระหว่างทางไปโรงแรมนั้นต้องข้ามถนน วงเวียน และ สามแยก ที่ไม่มีไฟแดงใดๆทั้งสิ้นค่ะ ใช่ค่ะคุณอ่านถูกแล้ว ไม่มีไฟแดงค่ะ เราสองคนได้แค่ยืนงงอยู่ข้างถนนเพราะข้ามไปไม่ได้ แต่ได้มีการอ่านรีวิวมาบ้างว่าให้เดินข้ามไปเลยเดี๋ยวรถจะหยุดให้เอง เอาวะ ฮึบหนึ่งทีแล้วเดินข้ามแบบเฉิดฉายประหนึ่งเดินบนแคทวอคพร้อมสัมภาระอันพะรุงพะรัง ทริคนี้ใช้ได้ผลค่ะคุณ!! รถหยุดให้จริงๆพร้อมเสียงบีบแตรที่ไม่ทราบว่ามาจากคันไหน แต่ไม่ต้องตกใจนะคะ การบีบแตรของรถและมอไซค์ที่นี้ถือว่าเป็นเรื่องปกติมากๆค่ะ หลังจากได้ประสบการณ์การข้ามถนน ผ่านวงเวียนมาแล้ว เข้าซอยนิดหน่อยก็ถึงโรงแรมของเราค่ะ
เราได้พักที่นี้ 3 คืน ในราคา 1.191.000 VND หรือ 1,615 THB ที่พักคือดีมากๆค่ะ พนักงานช่วยเหลือดีเลยที่เดียว แต่จะมีคนที่พูดอังกฤษได้อยู่คนเดียว นอกนั้นคือคุยกันผ่าน Google translate
YOU MUST เดินข้ามถนนแบบเฉิดฉายประหนึ่งเดินบนแคทวอค ไม่เช่นนั้นคุณจะต้องยืนอยู่ตรงนั้นทั้งวันแน่ๆ #wandertips
ประทับใจในห้องมากค่ะ คือราคาเท่านี้เราไม่ได้คาดหวังสูงเท่าไร แต่สิ่งที่มาเจอคือดีกว่าที่คิดไว้ค่ะ โรงแรมที่ดาลัตไม่มีแอร์นะคะ มีแต่พัดลม แต่ไม่ต้องเป็นกังวลค่ะ นอนสบายอากาศดีมากๆ
Night Market...
ตกเย็นเราก็เดินไป Night market ค่ะ เป็นตลาดกลางคืนที่เปิดทุกวัน มีทั้งร้านอาหารที่เป็นร้านนั่ง และสตรีทฟู้ดค่ะ ผัก ผลไม้ เสื้อผ้า กระเป๋า ของฝาก เสื้อผ้าของที่นี้จะเน้นไปที่เสื้อโค้ท คาดิแกน ผ้าพันคอ และหมวกไหมพรมค่ะ
ร้านแรกที่เราไปกินกันเลยคือ Bun บุ๋นหมูค่ะ รสชาติจะคล้ายกับขนมจีนน้ำเงี้ยวบ้านเราค่ะ อารมณ์เดียวกันเลย แต่ทีเด็ดของที่นี้คือ ผัก ค่ะ ผักคือสดและกรอบมาก พอใส่กินไปด้วยกันแล้วมันแบบดีจริงๆค่ะ ขนาดเราสองคนไม่ค่อยชอบกินผักยังติดใจผักที่นี้เลยค่ะ ไม่มีรสขมเลย
ราคาชามละ 30.000 VND
อย่างที่สองที่ขาดไม่ได้ต้องมาชิมเลยคือ พิชช่าเวียดนามค่ะ จะมีขายหลายร้านมาก เลือกซื้อได้ตามความชอบได้เลย
ราคาจะอยู่ที่ชิ้นละ 20.000 VND เป็นแป้งกรอบๆใส่ไข่ ไส้กรอก กุ้งแห้ง ต้นหอม มายองเนส และซอสพริก โดยรวมคืออร่อยค่ะสำหรับเรา เหมือนขนมเบื้องญวณ
อย่างต่อไปที่แนะนำค่ะ เป็นเหมือนขนมหวาน อันนี้อร่อยจริง ติดใจมากๆ ฟีลเหมือนขนมสายไหมที่ต้องหยอดเหรียญบาทของบ้านเราแต่ก่อน (ไม่รู้อายุเลย 5555) ไม่ทราบชื่อเรียกนะคะว่าคืออะไรพยายามคุยกับแม่ค้าแล้วนางบอกแต่ราคาค่ะ ก็คือคุยกันไม่รู้เรื่องนั่นเอง55555 จะขายในกล่องเหล็กสี่เหลี่ยมบนรถมอไซค์ค่ะ เป็นแผ่นแป้งสีขาว ด้านในใส่สายไหม มะพร้าว ถั่วลิสง และน้ำสีชมพู
ราคาอันละ 20.000 VND
สิ่งแนะนำอันต่อไปคือ ร้านน้ำเต้าหู้ค่ะ จะมีให้เลือกหลากหลาย มีน้ำเต้าหู้ น้ำถั่วเขียว น้ำถั่วลิสง และ น้ำขิง ซึ่งเราได้เลือกชิมน้ำเต้าหู้ กับ น้ำถั่วเขียวค่ะ รสชาติก็เหมือนกับน้ำเต้าหู้บ้านเรานี้แหละค่ะ แต่มันหอมกว่า น้ำถั่วเขียวคืออร่อยหอมถั่วเขียวมากๆๆ
ถ้านั่งกินที่ร้านจะมีน้ำตาลให้ตักปรุงเองค่ะ และ จะมีขนมปังวางไว้ให้ กินอันไหนก็หยิบเอาเลย เดี๋ยวเค้าจะมานับแล้วเก็บเงินอีกทีค่ะ
ราคาทุกอย่าง อย่างละ 10.000 VND
หลังจากเดินดูและหาของกินในตลาดแล้วก็กลับเข้าโรงแรมพักผ่อนเก็บแรงไว้เที่ยวกันต่อในวันพรุ่งนี้ค่ะ
ถ้าช้อปพวกเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายต่างๆควรต่อราคาให้ถึงที่สุด เพราะบางครั้งเราอาจจะโดนโกงแบบไม่รู้ตัวได้ และถ้าใครอยากซื้อน้ำต่างๆ โดยเฉพาะน้ำเปล่า ไปตุนไว้ที่โรงแรม Should go to Big C ค่ะ ราคาจะถูกกว่าครึ่งต่อครึ่งเลย #wandertips